tag:blogger.com,1999:blog-12123884505352991852024-03-07T23:53:31.250-08:00บล็อกเพื่อการเรียนรู้ วิชาคอมพิวเติร์พื้นฐาน2 ระดับชั้นม.2/7 โรงรียนตากพิทยาคมAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/09037257672153755364noreply@blogger.comBlogger2125tag:blogger.com,1999:blog-1212388450535299185.post-77676384448901002652012-06-25T23:30:00.000-07:002012-06-25T23:30:00.023-07:00การสืบค้นข้อมูลไม้3อย่างประโยชน์4อย่าง<h3 align="left" id="sites-page-title-header" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml">
<span dir="ltr" id="sites-page-title">ไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 ประการ</span> </h3>
<div class="sites-canvas-main" id="sites-canvas-main">
<div id="sites-canvas-main-content">
<table cellspacing="0" class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><tbody>
<tr><td class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1"><div dir="ltr">
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักถึงผลกระทบจากการบุกรุกทำลายป่าไม้ของประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นอย่าง</span><span style="font-size: small;">รวดเร็ว จนก่อให้เกิดภาวะแห้งแล้ง พื้นที่ต้นนํ้าลำธารเสื่อมโทรม ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพทางการเกษตร กลายเป็นปัญหาทุกข์ร้อนของประชากรส่วนใหญ่ในชนบท พระองค์ทรงมีพระราชดำริในการพัฒนาฟื้นฟูสภาพป่าไม้ ให้คืนกลับสู่สภาพธรรมชาติด้วยแนวทางผสมผสาน โดยการปลูกไม้ทดแทนควบคู่กับการพัฒนาอาชีพราษฎร</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ด้วยการวางแผนร่วมมือกันของทุกส่วนราชการ ในการดำเนินการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิศาสตร์และสภาวะแวดล้อม</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>การปลูกไม้ 3 อย่าง ให้ประโยชน์ 4 ประการ ตามแนวพระราชดำรินั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">พระราชดำริ ไว้เมื่อปี 2519 ณ หน่วยพัฒนาต้นนํ้าทุ่งจ๊อ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ว่าการปลูกไม้ 3 อย่าง คือ ไม้ผล </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ไม้โตเร็ว และไม้เศรษฐกิจ จะทำให้เกิดป่าไม้แบบผสมผสานและสร้างความสมดุลแก่ธรรมชาติอย่างยั่งยืน สามารถตอบสนองความต้องการของรัฐและวิถีประชาในชุมชนอันเป็นทฤษฎีการปลูกต้นไม้ลงในใจคน โดยการปลูกฝังจิตสำนึกแก่ประชาชนให้ปลูกต้นไม้ลงแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง<br /> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">และในการฟื้นฟูพื้นที่ต้นนํ้าตามแนวพระราชดำริ ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ ให้จัดตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2525 เพื่อศึกษาหารูปแบบในการพัฒนาที่เหมาะสมในพื้นที่ต้นนํ้าลำธารนั้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริ แนวทางในการปลูกไม้ฟื้นฟูสภาพป่าต้นนํ้าว่า การปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาอยู่ได้ให้ปลูกไม้ 3 อย่าง ให้ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ หรือ ไม้ผล </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ไม้สร้างบ้าน และไม้ฟืน ซึ่งจะให้ประโยชน์ 4 ประการ คือ ได้ใช้สอยและเศรษฐกิจ ไม้ฟืน ไม้กินได้ และประการสุดท้าย คือ สามารถช่วยอนุรักษ์ดินและต้นนํ้าลำธารด้วย<br /> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">ประเภทไม้ 3 อย่างที่เหมาะสมแก่การใช้ปลูก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเน้นให้ใช้พันธุ์ไม้ที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่น เพราะเป็นไม้ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดี มีลักษณะที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่อยู่แล้ว ไม่เป็นการเสี่ยงต่อภาวะการรอดตายและการเจริญเติบโต เป็นและที่รู้จักของราษฎรในท้องถิ่นอย่างดี พื้นที่ที่เหมาะสมแก่การปลูกไม้ป่าดังกล่าว ควรเป็นพื้นที่ที่มีสภาพเสื่อมโทรม หรือเป็นบริเวณป่าเพื่อการพึ่งพิงของราษฎรที่อยู่บริเวณใกล้ๆหมู่บ้าน วิธีการปลูกก็ให้ปลูกเสริมในลักษณะธรรมชาติ โดยไม่จับต้นไม้เข้าแถว ซึ่งการปลูกเสริมตามลักษณะธรรมชาตินี้ เมื่อต้นไม้โตขึ้นก็จะมีสภาพเป็นป่าตามธรรมชาติ โดยจะไม่มี</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ลักษณะเป็นสวนป่าที่มีต้นไม้เรียงเป็นแถว</span></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="color: #38761d; font-size: small;"><strong>ไม้ 3 อย่าง</strong></span></div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>ลักษณะไม้ 3 อย่าง เป็นชนิดไม้ที่มีความสัมพันธ์เกื้อกูลกับวิถีชีวิตของชุมชน คือ<br /> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">1. ไม้ใช้สอยและเศรษฐกิจ เป็นชนิดไม้ที่ชุมชนนำไปใช้ในการปลูกสร้างบ้านเรือน โรงเรือน เครื่องเรือน คอกสัตว์ </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">เครื่องมือในการเกษตร เช่น เกวียน คันไถ ด้ามจอบ เสียม และมีด รวมทั้งไม้ที่สามารถนำมาทำเป็นเครื่องจักรสาน กระบุง ตะกร้า </span><span style="font-size: small;">เพื่อนำไปใช้นำครัวเรือน และเมื่อมีพัฒนาการทางฝีมือก็สามารถจัดทำเป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน นำไปจำหน่ายเป็นรายได้ของชุมชน ซึ่งเรียกว่า เป็นไม้เศรษฐกิจของชุมชน ได้แก่ มะขามป่า สารภี ซ้อ ไผ่หก ไผ่ไร่ ไผ่บง ไผ่ซาง มะแฟน สัก ประดู่ กาสามปีก จำปี จำปา ตุ้ม ทะโล้ หมี่ ยมหอม กฤษณา นางพญาเสือโคร่ง ไก๋ คูณ ยางกราด กระถิน เก็ดดำ มะหาด ไม้เติม มะห้า มะกอกเกลื้อน งิ้ว ตีนเป็ด ยมหอม มะขม มะแข่น สมอไทย ตะคร้อ เสี้ยว บุนนาค ปีบ ตะแบก ตอง คอแลน รัง เต็ง แดง พลวง พะยอม ตะเคียน ฮักหลวง เป็นต้น</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="230" src="https://lh6.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPjNfinYI/AAAAAAAACVw/aPVfS1yCaB4/tre_01.jpg" style="display: block; height: 230px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 640px; zoom: 1;" width="640" /></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">2. ไม้ฟืนเชื้อเพลิงของชุมชน ชุมชนในชนบทต้องใช้ไม้ฟืน เพื่อการหุงต้มปรุงอาหาร สร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">สุมควายตามคอก ไล่ยุง เหลือบ ริ้น ไร รวมทั้งไม้ฟืนในการนึ่งเมี่ยง และการอบถนอมอาหาร ผลไม้บางชนิด ไม้ฟืนมีความ</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">จำเป็นที่สำคัญ หากไม่มีการจัดการที่ดีไม้ธรรมชาติที่มีอยู่จะไม่เพียงพอในการใช้ประโยชน์ ความอัตคัดขาดแคลนจะเกิดขึ้น </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ดังนั้นจะต้องมีการวางแผนการปลูกไม้โตเร็วขึ้นทดแทนก็จะทำให้ชุมชนมีไม้ฟืนใช้ได้อย่างเพียงพอ ได้แก่ ไม้หาด สะเดา </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">เป้าเลือด มะกอกเกลื้อน ไม้เต้าหลวง กระท้อน ขี้เหล็ก ตีนเป็ด ยมหอม ลำไยป่า มะขม ดงดำ มะแขว่น สมอไทย ตะคร้อ </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ต้นเสี้ยว บุนนาค ตะแบก คอแลน แดง เต็ง รัง พลวง ติ้ว หว้า มะขามป้อม แค ผักเฮือด เมี่ยง มะม่วงป่า มะแฟน กาสามปีก มันปลา นางพญาเสือโคร่ง มะมือ ลำไย รกฟ้า ลิ้นจี่</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="230" src="https://lh6.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPj3knvrI/AAAAAAAACV0/X6kRq45iJZc/tre_02.jpg" style="display: block; height: 230px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 640px; zoom: 1;" width="640" /></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">3. ไม้อาหารหรือไม้กินได้ ชุมชนดั้งเดิมเก็บหาอาหารจากแหล่งธรรมชาติ ทั้งการไล่ล่าสัตว์ป่าเป็นอาหาร รวมทั้งพืชสมุนไพร อดีตแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์จึงเป็นแหล่งอาหารเสริมสร้างพลานามัย การปลูกไม้ที่สามารถให้หน่อ </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ใบ ดอก ผล ใช้เป็นอาหารได้ก็จะทำให้ชุมชนมีอาหารและสมุนไพร ในธรรมชาติเสริมสร้างสุขภาพให้มีกินมีใช้อย่างไม่ขาดแคลน ได้แก่ มะหาด ฮ้อสะพายควาย เป้าเลือด บุก กลอย งิ้ว กระท้อน ขี้เหล็ก มะขม มะแข่น สมอไทย ตะคร้อ เสี้ยว คอแลน ผักหวานป่า มะไฟ มะขามป้อม มะเดื่อ มะปีนดง เพกา แค สะเดา เมี่ยง มะม่วงป่า มะแฟน มะเม่า หวาย ดอกต้าง กระถิน </span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ก่อเดือย หว้า กล้วย ลำไย มะกอกเกลื้อน มะระขี้นก ประคำดีควาย ตะคร้อ กระบก ผักปู่ย่า มะเฟือง แคหางค่าง ขนุน มะปราง มะหลอด คอแลน มะเม่า ส้มป่อย</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="229" src="https://lh4.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPkQwXelI/AAAAAAAACV4/-URtCyuAzbA/tre_03.jpg" style="display: block; height: 229px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 640px; zoom: 1;" width="640" /></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="color: #38761d; font-size: small;"><strong>ประโยชน์ 4 ประการ</strong></span></div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>ไม้ 3 อย่าง เมื่อปลูกไปแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ 4 ประการ คือ<br /> <span> <span> </span></span></span><span style="font-size: small;">1. ในสภาพปัจจุบันป่าไม้ลดลงเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึง และเพียงพอ ดังนั้น เมื่อมีการปลูกไม้ที่มีความเหมาะสมและมีคุณสมบัติที่ดีเพื่อการใช้สอยและสามารถนำมาใช้เสริมสร้างอาชีพได้ โดยมีการวางแผนอย่างมีส่วนร่วมและดูแลรักษาก็จะทำให้ชุมชนมีไม้ไว้ใช้สอยอย่างไม่ขาดแคลน และจะไม่สร้างผลกระทบ</span></div>
<div>
<span style="font-size: small;">ต่อทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่และหากมีการปลูกในปริมาณที่มากพอ ชุมชนก็สามารถนำมาเสริมสร้างอาชีพเสริมได้ทำให้ชุมชนมีรายได้เสริมให้มีความอยู่ดีกินดีขึ้น</span></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"><img height="236" src="https://lh3.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPlRbecuI/AAAAAAAACV8/lxjU0ELv2Yw/tre_04.jpg" style="display: block; height: 236px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 650px; zoom: 1;" width="650" /></span></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>2. ไม้ฟืนเป็นวัสดุเชื้อเพลิงพื้นฐานของชุมชน หากชุมชนไม่มีไม้ฟืนไว้สนับสนุนกิจกรรมครัวเรือน ชุมชนจะต้องเดือดร้อนและสิ้นเปลืองเงินทอง เพื่อการจัดหาแก๊สหุงต้ม หรือจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อการจัดหาวัสดุเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="236" src="https://lh4.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPmiIyEuI/AAAAAAAACWA/XPWkHq8Hzr8/tre_05.jpg" style="display: block; height: 236px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 650px; zoom: 1;" width="650" /></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>3. พืชอาหารและสมุนไพรรวมทั้งสัตว์แมลง ที่ชุมชนสามารถเก็บหาได้จากธรรมชาติจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าปลอดสารพิษ อันเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของคนในชุมชน เป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งถ้ามีปริมาณเกินกว่าที่ต้องการแล้วยังสามารถใช้เป็นสินค้าเสริมสร้างรายได้อีกทางหนึ่งด้วย</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="235" src="https://lh4.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPnNU0qdI/AAAAAAAACWE/vXduL2ybP1w/tre_06.jpg" style="display: block; height: 235px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 650px; zoom: 1;" width="650" /></div>
<div>
</div>
<div>
<span style="font-size: small;"> <span> <span> </span></span>4. เมื่อมีการปลูกไม้เจริญเติบโตเป็นพื้นที่ขยายมากเพิ่มขึ้น และมีการปลูกเสริมคุณค่าป่าด้วยพันธุ์ต่างๆ ทำให้เกิดความหลากหลายและเป็นการอนุรักษ์ดินและนํ้า รวมทั้งก่อให้เกิดการอนุรักษ์พื้นที่ต้นนํ้าลำธาร</span></div>
<div>
</div>
<div>
<img height="234" src="https://lh3.googleusercontent.com/_IPMP56NQr_g/TXOPng2tANI/AAAAAAAACWI/BndScYW8J0s/tre_07.jpg" style="display: block; height: 234px; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center; width: 650px; zoom: 1;" width="650" /></div>
</div>
</td></tr>
</tbody></table>
</div>
</div>
แหล่งที่มา <a href="https://sites.google.com/site/banrainarao/knowledge/tree_bank">https://sites.google.com/site/banrainarao/knowledge/tree_bank</a>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/09037257672153755364noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1212388450535299185.post-32277500152151513392012-06-25T23:24:00.000-07:002012-06-25T23:24:35.865-07:00แนะนำตัวเองแนะนำตัวเอง <br />
ด.ญ.จารุวรรณ บุญต่อ ม.2/7 เลขที่28 โรงเรียนตากพิทยาคมAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/09037257672153755364noreply@blogger.com0